วันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

หน้าตาของ “แลคโตบาซิลลัส” ในนมเปรี้ยว “ยาคูลท์”

 หน้าตาของ “แลคโตบาซิลลัส” ในนมเปรี้ยว “ยาคูลท์” ที่แท้เป็นแบบนี้..สงสัยมานานได้รู้ก็วันนี้.!!หลายคนคงชอบดื่มนมเปรี้ยว ยาคูลท์ ขวดเล็กๆ แต่รสชาติอร่อยมากๆ ซึ่งในขวดเล็กๆนั้นคงเคยได้ยืนมาว่า มีนมีแลคโตบาซิลลัสที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วย

โดยคุณ Toys Vlogger สมาชิกเว็บไซต์พันทิปจะพาไปร่วมพิสูจน์กันดูว่า มันมีจริงไหมและหน้าตามันเป็นยังไง ไปดูกันเลยจ้า….



สวัสดีครับ
วันนี้มีเรื่องมาพิสูจน์อีกแล้วครับ วันก่อนนั่งกินนมเปรี้ยว แล้วข้างขวดมันเขียนว่า
มีจุลินทรีย์ แลคโตบาซิลลัส 8,000 ล้านตัว เลยคิดว่า จริงเหรอวะ ?
เออ แล้วมีใครเคยเห็นไหมว่ามีจริง และ มันเยอะแบบนั้นจริงเหรอ ?
เราไม่เชื่อหรอก ใส่เปรี้ยวๆ ให้เรากินเฉยๆ รึเปล่า (ทำไมเราเป็นคนแบบนี้ฟะ)
ผมเลยไปซื้อกล้องจุลทรรศน์มาครับ เพื่อให้รู้จริงไปเลย จะได้นอนตายตาหลับ
แล้วการพิสูจน์จึงเริ่มขึ้น
ไปเลยจัดมาหลายๆขวด

จากนั้นก็เอามาแปะบนแผ่นสไลด์ ผมทำไม่ดีนะ พอดีมือใหม่ ยังใช้ไม่ค่อยเป็น มั่วมาก
(หยดออยซะด้วยนะ อิอิ)

จากนั้นส่อง ไปปรับไป ได้แบบห่างๆก่อน แต่เริ่มได้เค้าเว้ยเฮ้ย


ยุบยับเลย จ้าา เลยลองเอาฟิลเตอร์ที่เค้าแถมมากับกล้องใส่ดี ก็จะสีน้ำเงินเลย ง่ออออ

แต่เนื่องจากมันค่อนข้างแน่น ผมเลยโทรไปถามน้องที่เค้าดูเป็น เค้าบอกให้ทำให้มันเจือจาง จะได้เห็นเป็นตัวๆ

ทำไงดี ผมเลย ทำแผ่นใหม่ ใส่นมนิดหน่อย เอาน้ำหยดลองไป ก็ได้ภาพแว้วว

ชมคลิป


ตอนนี้ผมมีกล้องครบทุกแบบแล้ว ถ้าใครอยากดูอะไรก็บอกมาได้เลย เดี๋ยวผมจะลองส่องดู

ยังไงขอบคุณที่ติดตามชมครับ

ถ้ามีเรื่องแปลกๆ ผมจะมาเล่าให้ฟังใหม่ครับ

เรียกได้ว่าได้เห็นหน้าตาที่แท้จริงของตัวแลคโตบาซิลลัสก็วันนี้ ในหนึ่งขวดที่เรากินเข้าไปมีจำนวนประมาณ 8,000 ล้านตัวเลยทีเดียว มีประโยชน์แถมอร่อยแบบนี้ต้องหาซื้อมาดื่มแล้วละว่ามั้ย ??

Cr:http://sara-1000.com/42

วันพฤหัสบดีที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2560

ว่านหางจระเข้


ว่านหางจระเข้ 

เป็นต้นพืชที่มีเนื้ออิ่มอวบ จัดอยู่ใน ตระกูลลิเลี่ยม (Lilium)

แหล่งกำเนิดดั้งเดิมอยู่ในชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและบริเวณตอนใต้ของทวีปแอฟริกา
พันธุ์ของว่านหางจระเข้มีมากมายกว่า 300 ชนิด ซึ่งมีทั้งพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่มากจนไปถึงพันธุ์ที่มีขนาดเล็กกว่า 10 เซนติเมตร ลักษณะพิเศษของว่านหางจระเข้ก็คือ มีใบแหลมคล้ายกับเข็ม เนื้อหนา และเนื้อในมีน้ำเมือกเหนียว ว่านหางจระเข้ผลิดอกในช่วงฤดูหนาว ดอกจะมีสีต่างๆกัน เช่น เหลือง ขาว และแดง เป็นต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพันธุ์ของมัน

คำว่า "อะโล" (Aloe) เป็นภาษากรีซโบราณ หมายถึงว่านหางจระเข้ ซึ่งแผลงมาจากคำว่า "Allal" มีความหมายว่า ฝาดหรือขม ในภาษายิว ฉะนั้นเมื่อผู้คนได้ยินชื่อนี้ ก็จะทำให้นึกถึงว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเข้เดิมเป็นพืชที่ขึ้นในเขตร้อนต่อมาได้ถูกนำไปแพร่พันธุ์ในยุโรปและเอเชีย และทุกวันนี้ทั่วโลกกำลังเกิดกระแสนิยมว่านหางจระเข้กันเป็นการใหญ่


วุ้นในใบว่านหางจระเข้มีสารเคมีอยู่หลายชนิด เช่น Aloe-emodin, Aloesin, Aloin, สารประเภท Glycoprotein และอื่นๆ ยางที่อยู่ในว่านหางจระเข้มีสาร Anthraquinone ทีมีฤทธิ์ขับถ่ายด้วย ใช้ทำเป็นยาดำ มีการศึกษาวิจัยรายงานว่า วุ้นหรือน้ำเมือกของว่านหางจระเข้รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลเรื้อรัง และแผลในกระเพาะอาหารได้ดี เพราะในวุ้นใบว่านหางจระเข้นอกจากจะมีสรรพคุณรักษาแผลต่อต้านเชื้อแบคทีเรียแล้วยังช่วยสมานแผลได้อีกด้วย



วันจันทร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2560

จับเลี้ยง


จับเลี้ยง 

(จีนตัวย่อ: 杂凉; จีนตัวเต็ม: 雜涼; พินอิน: zá liáng ของเย็นหลายอย่าง)

ส่วนประกอบของจับเลี้ยงคือสมุนไพรจีนที่มีคุณสมบัติเย็น
 อาทิ เฉาก๊วย ดอกงิ้ว ใบบัว รากบัว หญ้าคา เมล็ดเพกา เก๊กฮวย โหล่เกง
 เทียงฮวยฮุ่ง แซตี่ แห่โกวเช่า หล่อฮังก๊วย ฯลฯ 
สูตรอาจจะมีการดัดแปลงแตกต่างกันไป
เป็นเครื่องดื่มมีที่มาจากจีนเป็นเครื่องดื่มสมุนไพร
ที่มีส่วนผสมทั้งสมุนไพรไทยและจีน สามารถดื่มได้ทั้งร้อนและเย็น
 มีสรรพคุณป้องกันและบรรเทาอาการร้อนใน มีอาการทางระบบทางเดินอาหาร
 มีแผลในปาก ปากลิ้นเปื่อย มีฝ้า ขมคอ เจ็บคอ เสียงแหบ คอแห้ง ไอ ตาร้อนผ่าว 
ซึ่งอาจเกิดมาจากการขาดสภาวะขาดสมดุลอย่างเช่น นอนดึก พักผ่อนไม่พอ 
หรือกินของทำให้ร้อน ของทอด หรือกินน้ำน้อย มีอาการทางระบบทางเดินอาหาร

วันอังคารที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ถั่วขาวช่วยให้น้ำหนักตัวลดลงได้


ทำไมถั่วขาวถึงช่วยให้น้ำหนักตัวลดลงได้

 ถั่วขาว

ถั่วมั๊ยครับถั่ว!! วันนี้มีถั่วขาวมาขาย ไม่ใช่ถั่วแขกนะครับ แต่เป็นถั่วขาว เราจะมาดูกันครับว่าถั่วขาวสามารถทำให้นัำหนักตัวลดลงได้อย่างไร

ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับถั่วขาวฉบับย่อ


ก่อนจะไปดูว่าทำไมถั่วขาวถึงช่วยลดน้ำหนักได้ เราจะมาทำความรู้จักกับถั่วขาวกันก่อนว่ามีลักษณะหน้าตาเป็นอย่างไรครับ
ถั่วขาว มีชื่อเรียกแบบสามัญว่า White Kidneys Bean
จัดเป็นพืชในตระกูลเดียวกันกับถั่วเหลือง
มีถิ่นกำเนิดมาจากแดนไกล อย่างประเทศเม็กซิโก กัวเตมาลา โดยจะอยู่ในพื้นที่สูงของประเทศ และต่อมาได้มีการนำมาปลูกและกระจายพันธ์ไปยัง ยุโรป และ ทวีปอื่นๆ ทั่วโลก ในบ้านเราไม่ค่อยพบแหล่งเพาะปลูกมากเท่าไหร่
ลักษณะของถั่วขาว จะประกอบไปด้วย ลำต้น ใบ ดอก ฝัก (ในส่วนของฝักถั่วขาวเมื่อแก่แล้วจะเป็นสีน้ำตาล ในฝักจะเต็มไปด้วยเมล็ดถั่วจำนวนมาก)

สารสำคัญที่พบได้ใน ถั่วขาว


ถั่วขาวมีสำคัญที่ชื่อว่า ฟาซีโอลามีน (Phaseolamin) ซึ่งสารชนิดนี้
จะช่วยยับยั้งการทำงานของ เอ็นไซม์ อัลฟา-อะไมเลส ซึ่งจะทำหน้าที่ในการย่อยแป้ง
 ให้กลายเป็นน้ำตาลโมเลกุลเล็ก เพื่อให้ร่างกายนำไปใช้เป็นพลังงานได้
 และคุณสมบัติของสาร ฟาซีโอลามีน ที่มีในถั่วขาว 
นี่แหละจะช่วยเข้าไปขัดขวางการทำงานของ เอ็นไซม์ อัลฟา-อะไมเลส ไม่ให้ทำการเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตให้กลายเป็นน้ำตาลได้แล้วทำไม ถั่วขาวถึงช่วยลดน้ำหนักได้

เวลาที่เรารับประทานอาหารประเภทแป้งเข้ามากๆเกินความกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการ  
ระบบการทำงานของร่างกาย ก็ไม่รู้ว่าจะเอาพลังงานไปเก็บที่ไหน เพราะเกินความต้องการ
 ก็เลยนำไปฝากไว้ตามส่วนต่างๆของร่างกาย 
เช่น ใต้ท้องแขน ต้นขา และส่วนที่ใหญ่ที่สุดก็คือ พุง จึงเป็นเหตุทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งสาร 
ฟาซีโอลามีน จะช่วยทำให้เวลาที่เราทานอาหารจำพวก
 คาร์โบไฮเดรต เข้าไปมากเกินความต้องการของร่างกาย 


สารสำคัญจากถั่วขาวตัวนี้ จะช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตน้อยลง


จึงเป็นเหตุให้ร่างกายดึงเอาไขมันที่สะสมตามส่วนต่างๆของร่างกายมา
ใช้เป็นพลังงาน เลยทำให้น้ำหนักตัวลดลงตามไปด้วย 
และยังช่วยทำให้รู้สึกอิ่มท้องนานขึ้นจากการที่แป้งถูกย่อยอย่างช้าๆ
 แถมยังช่วยควบคุมความสมดุลของระดับน้ำตาลในเลือดและไตรกรีเซอไรส์ อีกด้วย



ถั่วขาว มีสารสำคัญที่ช่วย ขัดขวางกระบวนการเปลี่ยนแป้ง
ให้เป็นน้ำตาล ได้นานขึ้นจนถูกขับออกจากร่างกาย 
เมื่อร่างกายได้รับพลังงานลดลง จึงทำให้ไขมันที่สะสมไว้
 ถูกดึงมาเผาผลาญเป็นพลังงาน นั่นเองครับ 
แต่อย่างไรก็ตามการที่จะลดน้ำหนักโดยไม่ทาน
อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเลยก็คง
จะไม่ส่งผลดีต่อร่างกายแน่นอน ควรรับประทานอาหารให้ครบ
 5 หมู่ด้วย และอย่าลืมออกกำลังกาย 
เพื่อทำสัดส่วนกระชับมากยิ่งขึ้น

มะขามป้อม

มะขามป้อม

     พูดถึงมะขามป้อม คนส่วนใหญ่จะนึกถึง สมุนไพรในด้านการทำให้ชุ่มคอ และชาวอินเดียถือว่า มะขามป้อม เป็น ยาอายุวัฒนะ เพราะเชื่อกันว่า เมื่อครั้งสมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้พระภิกษุฉันมะขามป้อมเป็นโอสถ ได้ตลอดเวลา เพื่อเป็นยารักษาโรคและบำรุงร่างกาย จึงไม่แปลกใจว่าทำไมมะขามป้อมถึงเป็นตัวยาสำคัญตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน


มะขามป้อม ช่วยลดน้ำหนักได้อย่างไร

มะขามป้อมมีสารประกอบหลายชนิดที่มีประโยชน์ เช่น โพลิฟีนอล แทนนิน วิตามินซี กรดอะมิโนแอชิด อย่าง lysine และ Methionine ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่กำลังควบคุมอาหารแต่ไม่อยากขาดกรดอะมิโนแอชิดที่จำเป็นต่อร่างกาย มะขามป้อมยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น ช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญไขมันในร่างกาย และยังเป็นยาระบายอ่อนๆ ทั้งยังช่วยลดคอเลสเตอรอล และลดไขมันเลือด ฉะนั้นมะขามป้อมจึงถือว่ามีประโยชน์ทั้งทางด้านรักษาโรค และ บำรุงร่างกาย ทำให้ไม่แปลกใจเลยที่ อาหารเสริมประเภทลดน้ำหนัก จะนำเอามะขามป้อมมาสกัดเพื่อช่วยในการควบคุมน้ำหนัก และ ลดความอ้วน
มะขามป้อมกับเครื่องสำอางค์

มะขามป้อมเป็นหนึ่งในสมุนไพร ที่ได้รับการยอมรับกันอย่างแพร่หลายทั้งใน ยุโรป อเมริกา และ เอเชีย และได้นำสารสกัดที่ได้จากธรรมชาติมาใช้กับผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เพราะ อุดมไปด้วย วิตามีนซี มากที่สุดในบรรดาผลไม้ทั้งหมด มีสารต้านอนุมูลอิสระ และ ชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


สรุป
มะขามป้อมเป็นสมุนไพรอีกหนึ่งชนิดที่เราไม่ควรมองข้ามเลยนะครับ เพราะเป็นสมุนไพรที่ถูกใช้ประโยชน์มากมายในทางการแพทย์ สำหรับการนำไปสกัดเป็นตัวยารักษาโรคต่างๆ ได้อย่างดี และหากใครมีพื้นที่ว่าง ก็สามารถปลูกไว้ที่บ้านได้นะครับ แนะนำเลย

วันพุธที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2560

อัญชัน สรรพคุณ


อัญชัน

อัญชัน ชื่อสามัญ Butterfly pea, Blue pea
อัญชัน ชื่อวิทยาศาสตร์ Clitoria ternateaL จัดอยู่ในวงถั่ว FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE 
ถั่ว Fabiodeae  ( Papilionoideae) หรือ PAPILIONACEAE







สมุนไพรอัญชัน มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า แดงชัน (เชียงใหม่), เอื้องชัน (ภาคเหนือ) เป็นต้น
อัญชัน เป็นพืชที่มีต้นกำเนิดในแถบอเมริกาใต้ ปลูกทั่วไปในเขตร้อน ลักษณะของดอกอัญชันจะมีสีขาว สีฟ้า สีม่วง ส่วนตรงกลางดอกจะมีสีเหลือง และรูปทรงคล้ายหอยเชลล์ มีสรรพคุณที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะมีสารที่ชื่อว่า “แอนโทไซยานิน” (Anthocyanin) ซึ่งมีหน้าที่ไปช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ได้ดีมากขึ้นเช่น ไปเลี้ยงบริเวณรากผม ซึ่งช่วยทำให้ผมดกดำ เงางาม หรือไปเลี้ยงบริเวณดวงตาจึงช่วยบำรุงสายตาไปด้วยในตัว หรือไปเลี้ยงบริเวณปลายนิ้วมือ ซึ่งก็จะช่วยแก้อาการเหน็บชาได้ด้วย และที่สำคัญสารนี้ยังมีความโดดเด่นที่ใครหลาย ๆ คนยังไม่ทราบ นั่นก็คือช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดเส้นเลือดอุดตันได้ และการ “กินดอกอัญชันทุกวัน…วันละหนึ่งดอก” จะช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดสมองตีบได้อีกด้วย

เนื่องจากดอกอัญชันนั้นมีฤทธิ์ในการละลายลิ่มเลือด สำหรับผู้มีเลือดจางห้ามรับประทานดอกอัญชันเด็ดขาด หรืออาหารเครื่องดื่มที่ย้อมสีด้วยอัญชันก็ไม่ควรรับประทานบ่อย ๆ



สรรพคุณของอัญชัน
  • น้ำอัญชันมีส่วนช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย
  • เครื่องดื่มน้ำอัญชันช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายและเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย
  • มีส่วนช่วยในการชะลอวัยและริ้วรอยแห่งวัย
  • ชดอกชมีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง เพิ่มการไหลเวียนเลือด
  • ดอกอัญชันมีฤทธิ์ในการละลายลิ่มเลือด
  • ช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดสมองตีบ
  • ช่วยรักษาอาการผมร่วง (ดอก)
  • อัญชันทาคิ้ว ทาหัว ใช้เป็นยาปลูกผม ปลูกขนช่วยให้ดกดำเงางามยิ่งขึ้น (น้ำคั้นจากดอก)
  • ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดเส้นเลือดอุดตัน
  • ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจอุดตัน

  • ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็งด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
  • ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน
  • อัญชันมีคุณสมบัติในการช่วยล้างสารพิษและของเสียออกจากร่างกาย
  • ช่วยบำรุงสายตา แก้อาการตาฟาง ตาแฉะ (น้ำคั้นจากดอกสดและใบสด)
  • ช่วยป้องกันโรคต้อกระจก ต้อหิน ตาเสื่อมจากโรคเบาหวาน (ดอก)
  • ช่วยเพิ่มความสามารถในการมองเห็นให้ดียิ่งขึ้น
  • นำรากไปถูกับน้ำฝน นำมาใช้หยอดตาและหู (ราก)
  • นำมาถูฟันแก้อาการปวดฟันและทำให้ฟันแข็งแรง (ราก)
  • ใช้เป็นยาระบาย แต่อาจทำให้คลื่นไส้อาเจียนได้ (เมล็ด)
  • ใช้รากปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ (ราก,ใบ)
  • แก้อาการปัสสาวะพิการ
  • ใช้แก้อาการฟกช้ำ (ดอก)
  • ช่วยป้องกันและแก้อาการเหน็บชาตามนิ้วมือนิ้วเท้า
  • นำมาทำเป็นเครื่องดื่มน้ำอัญชันเพื่อใช้ดับกระหาย
  • ดอกอัญชันตากแห้งสามารถนำมาชงดื่มแทนน้ำชาได้เหมือนกัน
  • ดอกอัญชันนำมารับประทานเป็นผัก เช่น นำมาจิ้มน้ำพริกสด ๆ หรือนำมาชุบแป้งทอดก็ได้
  • น้ำดอกอัญชันนำมาใช้ทำเป็นสีผสมอาหารโดยให้สีม่วง เช่น ขนมดอกอัญชัน ข้าวดอกอัญชัน (ดอก)

  • ช่วยปลูกผมทำให้ผมดกดำขึ้น (ดอก)
  • ใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อย่าง ครีมนวดผม ยาสระผม เป็นต้น
  • นิยมนำมาปลูกไว้ตามรั้วบ้านเพื่อความสวยงาม
  • วิธีทำน้ำดอกอัญชัน
  • วัตถุดิบที่ต้องเตรียมมีดังนี้ น้ำดอกอัญชัน 1 ถ้วย / น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ / น้ำเชื่อม 4 ช้อนโต๊ะ
  • ขั้นตอนแรกให้ทำน้ำดอกอัญชันก่อน ด้วยการนำดอกอัญชันสดประมาณ 100 กรัม นำมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วใส่หม้อเติมน้ำเปล่า 2 ถ้วย นำไปต้มจนเดือด ปิดฝาทิ้งไว้ประมาณ 3 นาทีแล้วกรองดอกอัญชันขึ้นจากหม้อ
  • ต่อมาก็ทำน้ำเชื่อม โดยใช้สัดส่วน น้ำเปล่า 500 กรัม / น้ำตาลทราย 500 กรัม
  • เมื่อได้ส่วนผสมครบแล้วให้นำน้ำดอกอัญชัน น้ำเชื่อม น้ำผึ้ง ผสมรวมกันตามสัดส่วนที่ระบุไว้ในข้อแรก
  • ชิมรสชาติตามชอบใจ เสร็จแล้วน้ำดอกอัญชัน
  • ถ้าหากจะทำเป็นน้ำพันช์ให้ใช้ส่วนผสมดังนี้ น้ำดอกอัญชันครึ่งถ้วย / น้ำผึ้ง 4 ช้อนโต๊ะ / น้ำเชื่อม 6 ช้อนโต๊ะ / น้ำมะนาวครึ่งถ้วย / และน้ำโซดาเย็นประมาณ 1 ขวด แล้วนำมาผสมรวมกัน ชิมรสชาติจนเป็นที่พอใจแล้วใส่น้ำแข็งเกล็ดเพื่อความสดชื่นอีกที
  • ถ้าต้องการทำเป็นน้ำชาไว้ดื่ม ก็ใช้ดอกอัญชันที่ตากแห้งแล้วประมาณ 25 ดอก นำมาชงในน้ำเดือด 1 ถ้วยแล้วนำมาดื่ม
  • หรือจะใช้อีกสูตร ก็คือให้เตรียมดอกอัญชัน 3 ดอก / น้ำเปล่า 1 แก้ว / น้ำตาลทราย (ตามความต้องการ) / น้ำมะนาว (ตามความต้องการ)
  • นำดอกมาเด็ดก้านเขียว ๆ ออกแล้วนำไปล้างให้สะอาด
  • ต้มน้ำแล้วใส่ดอกอัญชันลงไป รอจนเดือดและน้ำเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเดียวกับดอก
  • ใส่น้ำตาลลงไปตามใจชอบ
  • เสร็จแล้วกรองเอากากออก แล้วทิ้งไว้ให้เย็น
  • นำมาปรุงรสนิดหน่อยด้วยน้ำมะนาวตามความต้องการ (สีของน้ำจากสีฟ้าก็จะกลายเป็นสีม่วง)
  • นำมาดื่มพร้อมใส่น้ำแข็ง


คำแนะนำ
ควรดื่มทันทีเมื่อทำเสร็จ เพื่อรักษาคุณค่าทางสารอาหารและยา
ไม่ควรดื่มน้ำสมุนไพรในอุณหภูมิที่ร้อนจัด หรือมีอุณหภูมิเกิน 60 องศาเซลเซียสขึ้นไป เพราะอาจจะทำให้เยื่อบุผิวหลอดอาหารเสียสภาพภูมิคุ้มกันได้ ทำให้ดูดซับสารก่อมะเร็งและสารอื่น ๆได้ง่าย
ไม่ควรดื่มน้ำสมุนไพรใด ๆ ชนิดเดียวติดต่อกันเป็นเวลานาน ซึ่งอาจจะเป็นผลเสียต่อร่างกายมากกว่าผลดี.


ขอขอบคุณบทความดีๆจาก
MEDTHAI.COM